5 สัญญาณเตือนได้เวลาเปลี่ยนที่นอน
เพราะการนอนคือการพักผ่อนที่่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าชะล่าใจ หากรู้สึกว่านอนหลับแล้วไม่สบายตัว นอนแล้วปวดหลัง ทำให้หลับได้ไม่สนิท ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตทำให้สุขภาพแย่ได้ และบางคนยังไม่ทราบว่าจะต้องเปลี่ยนที่นอนเมื่อไหร่ เพราะที่นอนที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็ยังใช้งานได้ปกติ แต่!! หากคุณมี 5 สัญญาณเตือนนี้ ให้พึงระวัง นั่นหมายถึงว่า ได้เวลาที่จะต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่แล้ว มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ที่นอนยุบตัว
ที่นอนยุบตัว ที่นอนยุบตัวเป็นหลุม และไม่คืนกลับสภาพเดิม เป็นสัญญาณที่บอกว่าควรเปลี่ยนที่นอนใหม่ เพราะเวลานอนจะทำให้กระดูกสันหลังและกล้ามเนื้อหลังโค้งงอ ทำให้ปวดหลัง


2. นอนแล้วรู้สึกปวดหลัง
มีอาการปวดหลัง ถ้าทราบแน่ชัดว่าเกิดจากการนอน ควรรีบทำการเปลี่ยนที่นอน เพราะหากยังนอนต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้อาการหนักยิ่งขึ้นจนเป็นสาเหตุของอาการเรื้อรังได้


3. รู้สึกนอนหลับไม่สนิท
นอนไม่สบาย สัญญาณแรกการนอนแล้วรู้สึกไม่สบายตัว หลับไม่สนิท ตื่นกลางดึกบ่อย หรือนอนไม่หลับเลย อาจเป็นเพราะโครงสร้างของที่นอนไม่เหมาะกับลักษณะการนอนของเรา ก็ควรจะมองหาที่นอนใหม่ เพื่อช่วยให้การหลับของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้น


4. ที่นอนเสื่อมสภาพ
ที่นอนเสื่อมสภาพ หากรู้สึกว่าที่นอนผิดปกติมี ตอนนอนแล้วกลับรู้สึกยวบ เป็นเพราะเกิดจากวัสดุเสื่อมสภาพ ขยับบนเตียงนิดเดียว เสียงลั่นไปทั้งห้องนอน ทำให้ความหนาแน่นของที่นอนเปลี่ยนไป หรือ รู้สึกเหมือนว่ามีวัสดุทิ่มออกมาจากที่นอน อาจจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดรับบาดเจ็บได้


5. อายุการใช้งานเกินนาน 10 ปี
เชื่อว่าที่นอนของหลายๆ คน แทบไม่เคยเปลี่ยนเลย อายุการใช้งานเกิน 10 ปี ก็ควรจะถึงเวลาเปลี่ยนได้แล้ว ที่นอนจะมีอายุการใช้งาน 5-15 ปี ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของที่นอน และการดูแลรักษา อย่างไรก็ตาม วัสดุของที่นอนเมื่อนานไปย่อมเป็นแหล่งสะสมของไรฝุ่น แบคทีเรีย สิ่งสกปรกต่างๆ ดังนั้นเพื่อสุขภาพของการนอนที่ดี จึงควรเปลี่ยนที่นอนเมื่อถึงระยะเวลาการใช้งาน


ดังนั้นหากเราเจอสัญญาณเตือนแบบนี้ แน่นอนว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนที่นอนใหม่ได้แล้ว อย่าทนนอนกับที่นอนที่ไม่มีคุณภาพ เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ เพื่อการพักผ่อนที่ดีกว่า ให้เลือกหาที่นอนดีๆ สักหลัง ที่เหมาะกับสรีระของร่างกาย นอนแล้วสบาย ไม่ปวดหลัง ลงทุนกับการนอน ทำให้ปัญหาสุขภาพร่างกายเราดีขึ้นดี เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
SHOP BY STYLE